เบต้าแคโรทีน เพื่อหัวใจและสุขภาพที่แข็งแรง


944588_729447273748815_1876795106_n

 

เบต้าแคโรทีน เพื่อหัวใจและสุขภาพที่แข็งแรง

อยากมีหัวใจแข็งแรงและมีสุขภาพดีกันไหมล่ะ วันนี้ขอชวนคุณ ๆ ทั้งหลายมาดูแลหัวใจตัวเองและคนที่คุณรัก ด้วยสารพันอาหารที่มีเบต้า แคโรทีน

Beta-carotene Around you…เบต้า แคโรทีน คืออะไรกันนะ

เราเชื่อว่าคุณรู้จักเบต้าแคโรทีนดี… ที่กล่าวเช่นนี้ก็เพราะว่าในพืช ผัก ผลไม้ และอาหารในบ้านเราล้วนอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน อย่างที่เรา ๆ มักได้ยินผู้ใหญ่บอกกึ่งบังคับให้เด็ก ๆ กินผักหรือผลไม้บางประเภทที่เด็ก ๆ อาจจะไม่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นฟักทอง มะเขือเทศ แตงโม แคนตาลูป บรอกโคลี ฯลฯ ด้วยเหตุผลว่าผักและผลไม้เหล่านี้มีประโยชน์ มีสารอาหารมากมาย มีวิตามิน และหนึ่งในสารอาหารมากประโยชน์ และเป็นสารอาหารยอดนิยมในการดูแลสุขภาพร่างกาย และสุขภาพหัวใจ ก็คือ เบต้าแคโรทีน

เบต้าแคโรทีน (Beta-carotene) เป็นสารอาหารชนิดหนึ่งที่พบในพืชหลายชนิด โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในพืชที่มีสีเหลืองและสีส้ม เบต้าแค่โรทีนถือเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ ซึ่งเมื่อคนรับประทานอาหารที่มีเบต้าแคโรทีนแล้ว ร่างกายจะทำการเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนให้กลายเป็นวิตามินเอ โดยกระบวนการแล้ว เบต้าแคโรทีนจะมีสูตรทางเคมีที่โรงสร้างใหญ่ แต่เมื่อผ่านสู่กลไกการทำงานของตับจะเปลี่ยนให้เบต้าแคโรทีนกลายเป็นวิตามินเอ ซึ่งมีโครงสร้างที่เล็กกว่า โดยโมเลกุลของเบต้าแคโรทีน 1 โมเลกุล เมื่อผ่านกระบวนการของร่างกายจะกลายเป็นวิตามินเอ 2 โมเลกุล

Benefits of Beta-carotene…คุณประโยชน์ของเบต้า แคโรทีน

อย่างที่ทราบแล้วว่า เบต้าแคโรทีนมีคุณสมบัติเชื่อมโยงกับสารอาหารอย่างวิตามินเอ ซึ่งโดยมากแล้วจะอยู่ในไข่แดง เนื้อสัตว์ ตับ น้ำมันตับปลา และพืชบางชนิด โดยวิตามินเอนั้น มีคุณสมบัติโดยตรงกับประสิทธิภาพของการมองเห็นของประสาทสัมผัสทางสายตาบริเวณเรตินาของดวงตา ช่วยการมองเห็นในที่มีดหรือที่มีแสงน้อย รวมถึงการซ่อมแซมรักษาเซลล์ที่เสื่อมสภาพ ไม่ว่าในอวัยวะต่าง ๆ หรือผิวพรรณ อีกทั้งยังช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูกและฟันอีกด้วย

คุณประโยชน์ของวิตามิเอ ทีได้จากการเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนอาจเป็นสิ่งที่โดดเด่นอยู่แล้ว แต่อาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นเลิศที่สุดที่ทำให้คนจดจำเบต้าแคโรทีน ในชื่อของสารอาหารคนรักสุขภาพ เพราะว่าเบต้าแคโรทีนนั้นมีคุณสมบัติที่โดดเด่นประการสำคัญก็คือ คุณสมบัติที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการการเจ็บป่วย ความแก่ชรา ความเหี่ยวย่น และที่สำคัญคือ เป็นตัวการที่นำเราไปสู่โรคร้ายหลาย ๆ โรค หนึ่งในนั้นคือโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหัวใจ โดยเบต้าแคโรทีน จะทำการกระตุ้นการทำงานของ T-helper Cell ซึ่งช่วยด้านการเกิดเซลล์มะเร็งได้ และสำหรับคนที่รักสุขภาพและอยากหนุ่มและสาวเสมอ เบต้าแคโรทีน ยังช่วยต้านความชราได้อย่างดี นอกจากหนุ่มและสาวเสมอแล้ว ยังสุขภาพดีอีกด้วย

Where is Beta-carotene? เราหาเบต้า แคโรทีน ได้จากไหน

ปัจจุบัน มนุษย์เราสามารถบริโภคสารอาหารที่มีส่วนผสมของเบต้าแคโรทีน ในพืชผักที่มีสารสีเหลือง สีส้ม และสีแดง ซึ่งพืชผักเหล่านี้มีรงควัตถุที่เป็นสารประกอบที่มีเบต้าแคโรทีนจำนวนมาก อาทิ ฟักทอง มะระ ผักบุ้ง ผักคะน้า ตำลึง แตงโม แคนตาลูป หัวผักกาด มะละกอ แครอต และสามารถรับประทานได้ในรูปแบบของอาหารเสริมประเภทต่าง ๆ และในเครื่องดื่มประเภทน้ำผัก ผลไม้คั้นสดที่มีส่วนผสมของเบต้าแคโรทีน เช่น น้ำแครอต น้ำแตงโม และน้ำแคนตาลูป

Best Beta-Carotene in Thai Fruits…ผลไม้ไทยนี่แหละ สุดยอดอาหารเบต้า แคโรทีน

จากการศึกษาของกองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ผลไม้ไทยเราที่มีปริมาณของเบต้าแคโรทีนสูง 10 อันดับแรก ได้แก่ มะม่วงน้ำดอกไม้สุก มะเขือเทศราชินี มะละกอสุก กล้วยไข่ มะม่วงยายกล่ำ มะปรางหวาน แคนตาลูปเนื้อเหลือง มะยงชิด มะม่วงเขียวสวยสุก และสับปะรดภูเก็ต เห็นอย่างนี้แล้ว สารอาหารเบต้าแคโรทีน ไม่ได้อยู่ที่ไหนไกล หากได้ไม่ยากเย็นเลย อยู่แค่ในสวนบ้านเรานี่เอง…

สำหรับในยุคที่สารอาหารได้ง่าย สะดวกทั้งในรูปแบบของอาหารและสารสกัด หากคุณเป็นห่วงสุขภาพและรักสุขภาพของคนที่คุณรักอย่างแท้จริง การรักประทานอาหารเสริมอย่างเบต้าแคโรทีน ควรปรึกษาเภสัชกร เพื่อให้คุณได้รับเบต้าแคโรทีน ในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกาย และที่สำคัญมาก ๆ กับสุขภาพของการรับประทานผัก ผลไม้สด ๆ ของแท้นั้นมีแต่ประโยชน์ อีกทั้งไม่ต้องกังวลเรื่องสารตกค้างหรือสารปนเปื้อนที่มาพร้อมกับอาหารเสริม หรือน้ำผลไม้ประเภทกล่องที่เต็มไปด้วยน้ำตาล

ลองเลือกผักหรือผลไม้ที่มีส่วนผสมของสารอาหารประเภทเบต้าแคโรทีน มอบให้คนที่คุณรักเป็นของขวัญก็คงจะดีไม่น้อย เพราะนอกจากจะสุขภาพดีแล้ว คนรักของคุณยังมีสุขภาพหัวใจที่แข็งแรง แถมยังได้สารต้านอนุมูลอิสระที่มีแบบเต็ม ๆ ในเบต้าแคโรทีน คนรักของคุณจึงดูสดชื่น สดใส กระปรี้กระเปร่า พร้อมต้อนรับวันใหม่ด้วยสุขภาพที่ดีและแข็งแรง

ขอขอบคุณข้อมูลจากSlim up

 

สมุนไพรแก้อาการท้องผูก


563136_730805623612980_121458810_a

สมุนไพรแก้อาการท้องผูก

ปัญหาท้องผูก เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวันของทุกคน คนไทยในอดีตเคยใช้สมุนไพรพื้นบ้านรักษาและบรรเทาอาการอาการท้องผูกได้ผล จึงนำความรู้เรื่องสมุนไพรแก้อาการท้องผูกที่เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านที่ทรงคุณค่าจากอดีตถึงปัจจุบันมานำเสนอได้แก่

– มะขามแขก ฝักและใบมะขามแขกใช้เป็นยาระบาย โดยใช้ใบแห้ง 1-2 หยิบมือ หรือ ใช้ฝัก 4-5 ฝัก หักเป็นชิ้นเล็กๆ ต้มกับน้ำ 1 ถ้วย นาน 15 นาที ดื่มก่อนนอนถ้ามีอาการแน่นจุกเสียดให้ใช้ร่วมกับยาขับถ่าย เช่น ขิงแก่ กระวาน หรือ กานพูล เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่มีอาการท้องผูกประจำ ข้อควรระวัง ควรใช้มะขามแขกเพื่อแก้อาการท้องผูกเป็นครั้งคราว ไม่ควรรับประทานมะขามแขกติดต่อกันนาน เพราะจะทำให้ขาดธาตุโปแตสเซียม และทำลายระบบประสาทที่ควบคุมการบีบตัวของลำไส้

– แมงลัก แมงลักหรือยาสกัดจากเมล็ดแมงลักใช้เป็นยาระบายที่ดีช่วยเพิ่มกากอาหารทำให้อุจจาระมาก เมือกจะช่วยหล่อลื่นและช่วยให้อุจจาระอ่อนตัว

วิธีใช้ เมล็ดแมงลัก 1ช้อนชา แช่น้ำ 1 แก้ว ทิ้งให้พองเต็มที่ ใช้รับประทานก่อนนอน
ข้อควรระวัง ใช้น้ำให้มากพอเพื่อให้เม็ดแลงลักพองตัวเต็มที่ เม็ดแลงลักที่พองตัวไม่เต็มที่ จะดูดน้ำจากกระเพาะอาหารและลำไส้ทำให้อุจจาระแข็ง และอุดตันเกิดอาการท้องผูกมากขึ้น

– ขี้เหล็ก ขี้เหล็กเป็นสมุนไพร มีฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ใหญ่ ช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้นเหมาะสำหรับผู้สูงอายุซึ่งมักจะนอนไม่หลับ รับประทานอาหารไม่ได้ และมีอาการท้องผูก

วิธีใช้ 1.นำใบอ่อนหรือดอกตูมประกอบอาหารรับประทาน
2. นำใบขี้เหล็ก 4-5 กำมือ ต้มกับน้ำพอท่วมใช้ดื่มก่อนนอน

– กล้วยน้ำว้า กล้วยน้ำว้าสุกใช้แก้อาการท้องผูกได้ดีเพราะในกล้วยน้ำว้าสุกมีสารเพ็กตินสูง ช่วยเพิ่มกากอาหาร นอกจากนี้ยังมีเมือกลื่นช่วยในการขับถ่ายได้สะดวก
วิธีใช้ รับประทานกล้วยน้ำว้าสุกวันละ 2-4 ผล จะช่วยให้มีการขับถ่ายที่ดีทุกวัน

ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือคู่มือการดูแลสุขภาพ โดยวิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทย

มะนาว….ล้างพิษ


ดื่มน้ำมะนาวกับน้ำอุ่นทุกๆ เช้า มีประโยชน์….
…ล้างพิษ ลดสิว…ลดน้ำหนัก…

ดื่มน้ำมะนาวเพื่อรักษาสิว วิธีการนี้ใช้เวลา 2 สัปดาห์เป็นอย่างต่ำจึงจะเห็นผล
สามารถใช้วิธีการดื่มน้ำมะนาวเพื่อรักษาและทำความสะอาดภายในร่างกาย หรือขจัดสารพิษออกจากตับ และเพื่อให้การดูดซึมแร่ธาตุและวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย น้ำมะนาวนั้นเป็นเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายและผิวพรรณ ที่ช่วยให้กระชุ่มกระชวย ดื่มง่าย และทำได้ง่าย

ความจริงแล้วการรักษาสิวด้วยการดื่มน้ำมะนาวนั้นมีประโยชน์หลายอย่าง ที่ทุกคนควรดื่ม (สำหรับคนที่ไม่แพ้มะนาว) ประโยชน์ต่าง ๆ เหล่านั้นคือ :

-ขจัดกรดต่าง ๆ ที่ตกค้างออกไป เพราะน้ำมะนาวมีแร่ธาตุต่าง ๆ (วิตามินซี, โพแทสเซียม)

-บรรเทาอาการท้องผูก

-ทำความสะอาดตับด้วยกรดซิตริก และสร้างเอนไซม์เพื่อขจัดสารพิษในเลือด

-ช่วยกระบวนการย่อยอาหาร

-กำจัดนิ่วในไต และตับอ่อน

การรักษาสิวโดยการดื่มน้ำมะนาว สูตร 1

1.บีบน้ำมะนาว 1 ผลลงในแก้ว

2.เติมน้ำเปล่า 2 ถ้วย (ถ้วยละ 8 ออนซ์)

3.ดื่มน้ำมะนาวที่ผสมนี้ได้ทั้งวัน

การรักษาสิวโดยการดื่มน้ำมะนาว สูตร 2

1.บีบน้ำมะนาว 1 ผล ผสมกับน้ำอุ่นที่ต้มแล้ว 1 ถ้วย (8 ออนซ์)

2.ดื่มเป็นสิ่งแรกของวัน ในตอนเช้า

3.หลังจากดื่มน้ำมะนาว งดการดื่ม หรือรับประทานสิ่งใด ๆ ภายในครึ่งชั่วโมง เพื่อให้น้ำมะนาวได้ชำระล้างร่างกายสิว สิว สิว ทำไงให้ไปพ้นๆจากเรา

ดื่มน้ำอุ่นผสมน้ำมะนาวเข้าไปกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัว เพื่อให้สารพิษถูกดันออกมากับอุจจาระ หลังจากที่ดื่มน้ำอุ่นแล้วคุณจะรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำทันที

มันเป็นการ detox ความจริง กินแค่น้ำเปล่า หรือ น้ำอุ่น ใน ตอนเช้า ก็ได้ค่ะ เหมือนเป็นการ ล้างลำใส้ แต่ มะนาวเนี่ย มันจะมีค่า PH ที่เป็นกรด ที่ทำให้ลำไส้ทำงานได้ดี

หรือแบบง่ายๆ น้ำอุ่น(ไม่ต้องถึงกับร้อน) 500 ml ,น้ำมะนาว 2 ช้อนช้าโดยประมาณ..

เพื่อกระตุ้นระบบย่อยอาหารให้ทำงานดียิ่งขึ้น มะนาวเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีมากที่สุด ไม่พียงแต่จะดีสำหรับช่วยลดไข้ได้ แต่มันยังมีผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยแอริโซนา แนะนำมาว่า ใครที่กินผลไม้และผักที่มีวิตามินซีในปริมาณที่มาก จะมีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร และจะช่วยให้น้ำหนักลดได้ดีกว่าวิธีอื่นๆ อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น น้ำมะนาวยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมให้กักเก็บเอาไว้ในเซลล์ไขมัน ผลวิจัยยังแสดงอีกว่า แคลเซียมที่มีอยู่ในเซลล์ไขมันปริมาณมากๆ จะช่วยเผาผลาญไขมันได้ดียิ่งขึ้น

คนเป็นโรคกระเพาะไม่แนะนำให้ดื่มนะครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://pha.narak.com/topic.php?No=36514%3D_blank

มะนาว
มะนาว

ผมสวยด้วยสมุนไพร


บำรุงเส้นผมสวยด้วยสมุนไพรในครัวเรือน

วันนี้นำเรื่องสมุนไพร กับ ผม มาฝากจ้า สาเหตุที่เอาเรื่องนี้มา
โพสก็เพราะ ตัวของเอง ก็เป็นคนที่มีปัญหาเรื่องผมมากค่ะ
เมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งไปยืดผมมา ทำให้ผมเสียแถมยังหยิกปลายอีก ก็เลยจะหาวิธีมารักษาผมซะหน่อย งั้นไปดูกันเลยดีกว่าว่า ลักษณะผมแบบไหน ใช้สมุนไพรอะไรแก้ได้บ้าง

1.ผมแห้งเสียจัดทรงยาก

สาวผมแห้งมักจะมีปัญหาหวีจัดทรงยาก ไม่มีสปริงและดูไม่มี
น้ำหนักขาดชีวิตชีวา ไม่สลวยสวยงาม ทำให้หนังศีรษะแห้งและเกิดสะเก็ดรังแคง่าย ควรหมั่นบำรุงด้วยการผสมสมุนไพรเพื่อ
นวดบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะง่ายๆ ด้วยตัวเองโคยเลือกสารสกัดจากดอกกล้วยไม้ กระเพรา โสม ขิง ช่วยให้ผมแห้งเสีย
กลับมามีน้ำหนัก สปริงตัวสวยอีกครั้ง

สูตรน้ำมันมะพร้าว + ไข่ไก่

ใช้น้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะตั้งไฟอ่อนผสมกับไข่ไก่ 1 ฟอง
( เฉพาะไข่แดง ) ตีให้เข้ากันจนเนื้อเนียนละเอียด รอจนเย็นลูบให้ทั่วศีรษะ นวดด้วยปลายนิ้วให้ทั่วทั้งด้านหน้าจรดท้ายทอย
ใช้ฝ่ามือขยำๆ ขยี้ๆ ให้ทั่วจนซึมเข้าสู่เส้นผม ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กคลุมผมให้มิด อย่าพันรัดแน่นเกินไป หมักทิ้งไว้ 2 ชั่วโมง แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น สระออกด้วยแชมพูอ่อนๆอีกครั้ง ทำเช่นนี้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ผมจะนุ่มนวลมน้ำหนักและจัดทรงง่าย

สูตรน้ำมันมะกอก

น้ำมันมะกอกอุ่นๆ 2-3 ช้อนโต๊ะ นำมานวดหนังศีรษะหวีและชโลมเส้นผมให้ทั่ว นวดเป็นวงกลมเล็กๆใช้ผ้าขนหนูพันศีรษะ
ทิ้งไว้ 15 นาที สระด้วยแชมพูอ่อนๆแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นให้หมด จะช่วยบำรุงเส้นผมให้กลับมามีสภาพดีได้

สูตรไข่ไก่ + นมเปรี้ยว

ใช้ไข่ไก่ 1 ฟอง ทั้งไข่ขาวและไข่แดงผสมกับนมเปรี้ยวครึ่งแก้ว
ตีให้เข้ากัน ชโลมให้ทั่วหนังศีรษะบนผมที่ชุ่มเปียกด้วยน้ำอุ่นแล้ว นวดเป็นวงกลมเล็กๆ ใช้ผ้าขนหนูพันศีรษะทิ้งไว้ 10-15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่นให้หมดสระด้วยแชมพูอ่อนๆเพียงครั้งเดียว

สูตรไข่ไก่ + น้ำอุ่น

ใช้เฉพาะไข่แดง 1 ฟอง ผสมกับน้ำอุ่นครึ่งแก้วตีให้เข้ากัน
ราดศีรษะด้วยน้ำอุ่นให้ชุ่มแล้วชโลมครีมไข่แดงที่เตรียมไว้ให้
ทั่ว คลึงหนังศีรษะนวดเป็นวงกลม ทิ้งไว้ 8-10 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่นไม่ต้องสระซ้ำด้วยแชมพูสระผม

2. ผมมีรังแค

รังแคเป็นปัญหาระดับต้นๆของสาวผมสวยเลยก็ว่าได้ เมื่อไหร่ที่รังแคมาเยือนมักจะมีอาการคันตามมา แถมชอบออกมาแสดงตัวให้เห็นกันแบบจะจะอีก ไม่อยากให้รังแคมาเยือนต้องหมั่นบำรุงหนังศีรษะ

เมืองไทยคงไม่มีวันมีหิมะตกแน่ ๆ เพราะฉะนั้นใครมีรังแค ไหนจะเสียบุคลิก ไหนจะคันแย่ แนะนำผลมะคำดีควายทุบพอแหลก ต้มในน้ำให้เดือด นำน้ำที่ได้สระผมสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง จะทำให้หนังศีรษะสะอาด ป้องกันการเกิดรังแค แถมแก้โรคชันตุได้อีกด้วย

ส่วนใครที่มีอาการคัน ให้นำว่านหางจระเข้ปลอกเปลือก เอาแต่ส่วนที่เป็นวุ้นมาบดประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ เวลาสระผมให้ขยี้วุ้นว่านหางจระเข้ทาให้ทั่วผมทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที ล้างออกให้สะอาด ช่วยบำรุงหนังศีรษะ ลดอาการคันได้ชะงัด

คั้นน้ำมะนาว หรือ น้ำมะกรูดที่เผาไฟเรียบร้อยแล้วนำมานวดหนังศีรษะหลังสระผมด้วยแชมพูเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะช่วยขจัดรังแคอย่างได้ผล

3. ผมร่วง (ว้าย..จะหมดหัวอยู่ละ)

สาวๆที่เส้นผมอ่อนแอหลุดร่วงและขาดง่าย มักจะกังวลเป็นพิเศษ เพราะถ้าร่วงมากอนาคตของเส้นผมก็คงไม่เหลือเลยแม้แต่เส้นเดียว ลองสูตรบำรุงรักษาเส้นผมแบบธรรมชาติด้วยตัวคุณเองดูสิ

สูตรขิง + แครอท + แอปเปิ้ล

ใช้ขิงสดปอกเปลือกหั่นแว่นบางๆ 1 ถ้วย ผสมกับแครอทปอกเปลือกหั่นชิ้นเล็กๆ 1 ถ้วย และแอปเปิ้ลแกะเมล็ดหั่นชิ้นเล็กๆ 1 ลูก และน้ำ 1 ถ้วย ปั่นส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน กรองแล้วแช่เย็นทำให้ผมนุ่มสลวย

สูตรว่านหางจระเข้

ใช้ใบว่านหางจระเข้ชนิดแก่จัดมาล้างให้สะอาดใส่เครื่องปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อครีมเจล ราดบนศีรษะที่เปียกชุ่ม ใช้นิ้วมือขยี้เบาๆ คลุมทับด้วยผ้าขนหนูให้มิดชิด หมักทิ้งไว้ 20-30 นาที เสร็จแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น สระผมให้สะอาดด้วยแชมพูชนิดอ่อนให้สะอาด

4. ผมหยิก

สาวผมหยิกมักจะมีอาการแห้งและฟู ยิ่งถ้าผมหยิกและหนาด้วยก็จะทำให้ศีรษะดูโตมากยิ่งขึ้น อยากให้ผมหยิกเป็นลอนสลวยสวยเก๋ไม่แห้งฟู หมั่นบำรุงด้วยสูตรต่อไปนี้

สูตรน้ำ + มะนาว

น้ำมะนาวผสมน้ำให้เจือจางนำมาชโลมผมหลังจากล้างน้ำครั้งสุดท้าย ทิ้งไว้ 5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น กรดในน้ำมะนาวจะช่วยให้ไฟเบอร์ในผมยึดเกาะกันได้แน่น ผมจะเรียบขึ้น หวีง่ายขึ้น และสะท้อนแสงไฟได้ดี ทำให้ผมดูเงางาม

5. ผมมัน

สาวผมมันมักจะมีปัญหาตามมามากมาย เช่น เป็นสะเก็ดรังแค หนังศีรษะคันง่าย การรักษาความสะอาดของเส้นผมจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด รวมไปถึงการทำทรีตเมนท์ด้วยสูตรธรรมชาติดังที่จะแนะนำต่อไปนี้ รับรองว่าจะช่วยไม่ให้เกิดอาการที่ว่านี้ได้

เลือกสารสกัดจากธรรมชาติ พวก แตงกวา กระเพรา เบอร์กามอท และจูนิเปอร์ ช่วยลดความมันเยิ้มของหนังศีรษะ เส้นผมหลีบแบนได้ หรือใช้สูตรด้านล่าง

สูตรไข่ขาว + น้ำอุ่น

ใช้ไข่ขาว 1 ฟองกับน้ำอุ่น � แก้วตีให้เข้ากัน ราดบนผมให้ทั่ว นวดหนังศีรษะแรงสักนิดทิ้งไว้ 8-10 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่นโดยไม่ต้องสระผมซ้ำ ทำอย่างนี้สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ผมจะค่อยๆปรับสภาพ และหายมัน

สูตรส้มเขียวหวาน + ไข่ไก่

ปอกไข่ใส่ถ้วยเลือกเอาเฉพาะไข่ขาว 2 ฟอง ผสมกับน้ำส้มเขียวหวาน 2 ช้อนโต๊ะตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน นำมาขยี้บนศีรษะที่ราดด้วยน้ำอุ่นจนชุ่มห่อคลุมด้วยผ้าขนหนูให้มิดชิดหมักทิ้งไว้ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น สระให้สะอาดอีกครั้งด้วยแชมพูอ่อน ช่วยบำรุงหนังศีรษะให้ลดความมันและหายคันได้

สูตรชาดอกมะนาว + โยเกิร์ต

โยเกิร์ตครึ่งถ้วยผสมกับชาดอกมะนาวครึ่งถ้วย นำมาชโลมผมที่ชื้นหมาดๆ ทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก

6. ผมแตกปลาย

ปัญหาหนึ่งที่สาวรักสวยรักงามทุกคน ไม่อยากจะเจอเข้ากับตัวเอง โดยเฉพาะสาวๆที่ชอบทำสีผม ตัดซอยด้วยใบมีดโกน การใช้ครีมนวดที่ขาดประสิทธิภาพ การม้วนผม การใช้ความร้อน การใช้อุปกรณ์ตกแต่งทรงผมอย่างขาดความระมัดระวัง การแปรงผมขณะก้มศีรษะมากเกินไป และการขาดการเอาใจใส่ในการเล็มปลายผมอยู่เสมอ อยากให้ผมกลับคืนสู่สภาพปกติต้องหมั่นบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์ทรีตเมนท์ต่างๆ แต่ถ้าไม่อยากสิ้นเปลือง หันหาวิธีธรรมชาติก็ไม่ผิด

หรือเกิดจากใช้แชมพูที่มีกรดหรือด่างมากเกินไป เลือกสารสกัดจากตะไคร้ น้ำมันมะกอก ลูกมะกรูด ลดอาการแตกปลายได้

สูตรไข่ไก่ + น้ำมันงา + น้ำผึ้ง

ใช้ไข่ไก่เฉพาะไข่แดง 2 ฟอง ผสมกับน้ำมันงา 4 ช้อนโต๊ะ และน้ำผึ้ง 2 ช้อนชาให้เข้ากัน ใช้น้ำอุ่นราดให้ทั่วศีรษะ จากนั้นค่อยๆชโลมครีมนี้ให้ทั่วศีรษะ ห่อคลุมด้วยผ้าขนหนูหมักทิ้งไว้ 20-30 นาที สระออกด้วยแชมพูอ่อนอีกครั้ง

7. ผมทำสี

ผมทำสีเป็นผมที่อ่อนแอที่สุด นอกจากนั้นยังมีอาการแห้งกรอบ เส้นผมจะมีรูพรุนอยู่ทั่วไป สาวๆที่ชอบทำสีผมจึงควรหมั่นบำรุงรักษาสภาพเส้นผมมากเป็นพิเศษ นอกเหนือจากการใช้แชมพูและครีมนวดสำหรับผมทำสีโดยเฉพาะ

สูตรน้ำมะนาว

นำมะนาว 2 ผลมาคั้นน้ำ ใส่บริเวณโคนผม ทิ้งไว้ 10 นาที เป่าผมให้แห้งสีผมจะเห็นชัดขึ้น

8. มีเหาในผม

สูตรเดิมที่เคยรู้ใบน้อยหน่ายังใช้ได้อยู่ เด็ดมาสัก 8 ใบ โขลกให้ละเอียดผสมน้ำ ทาผมให้ทั่ว เอาผ้าคลุมทิ้งไว้สักครึ่งชม.ค่อยล้างออก สระผมตามอีกครั้ง แต่ระวัง! น้ำน้อยหน่าเข้าตา ขอเตือนว่าแสบมาก ใครไม่มีใบน้อยหน่าแนะนำให้ใช้”ใบสะเดาแก่ ๆ” แทนได้ วิธีการเหมือนกันเป๊ะ

9. ผมธรรมดา

นับว่าเป็นคนโชคดีสุด ๆ แต่ต้องไม่ลืมบำรุงสม่ำเสมอไม่งั้นสภาพผมอาจแย่ได้ เลือกที่มีสารสกัดดอกฮอลลี่ฮ็อก กระเพรา อัญชัน มะกรูด ช่วยให้ผมดกดำ เงางามยิ่งขึ้น

สมุนไพรเพื่อผมสวย
สมุนไพรเพื่อผมสวย

วิธีใช้ ใยบวบขัดผิว


“ใยบวบขัดผิว” ช่วยให้คุณผู้หญิงสามารถมีผิวที่สวยและสุขภาพดีขึ้นได้นะค่ะ และวันนี้เรานำเคล็ดลับของ ใยบวบขัดผิว หรือ ใยบวบขัดตัว มาฝากคุณผู้หญิงทุกท่านกัน

ในบรรดาสาวๆ บางท่านอาจจะรู้จัก “ใยบวบขัดผิว” หรือ “ใยบวบขัดตัว” กันเป็นอย่างดี เชื่อว่า ยังมีคุณผู้หญิงอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่รู้จัก ใยบวบขัดผิว หรือ ใยบวบขัดตัว แต่คุณผู้หญิงทราบบ้างหรือไม่ค่ะว่า ใยบวบขัดผิว หรือ ใยบวบขัดตัว นี้มีประโยชน์มากมาย

โดยปกติแล้วผิวพรรณคนเรานั้นจะมีการผลัดเซลล์ผิวทุกๆ 2-4 สัปดาห์ แต่หากว่าคุณผู้หญิงมีอายุที่เกินกว่า 20 ปีขึ้นไปแล้ว การผลัดตัวของเซลล์ผิวพรรณจะช้าลงซึ่งนั้นทำให้เกิดริ้วรอยและความหมองคล้ำที่ผิวพรรณ ฉะนั้นแล้วการขจัดเซลล์ผิวเก่าๆ ที่ตายแล้วออกไปจะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ผิวพรรณขาวใสขึ้น ฉะนั้นแล้วลองหันมาใช้ ใยบวบขัดผิว หรือ ใยบวบขัดตัว จะช่วยให้ผิวพรรณสะอาดหมดจดแล้ว ยังช่วยในเรื่องของการอุดตันสิวของสิวอีกทั้งยังทำให้การไหลเวียนของเลือดในร่างกายดีขึ้น ผิวพรรณสดใส เปล่งปลั่ง ผิวสุขภาพดีอีกด้วยค่ะ ที่สำคัญ ใยบวบขัดผิว หรือ ใยบวบขัดตัว ยังเป็นสิ่งที่มาจากธรรมชาติซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสามารถย่อยสลายได้ไม่เป็นมลภาวะของโลกด้วยน๊า…

“ใยบวบขัดผิว” “ใยบวบขัดตัว”

แล้วรู้ไหมว่าใยบวบมาจากไหน?
“ใยบวบขัดผิว” “ใยบวบขัดตัว” มักทำมาจากบวบหอมหรือ Smooth loofah มีผลอ่อนสีเขียวมีลายเขียวเข้ม ผลแก่สีเขียวออกเหลืองจนถึงสีน้ำตาลมีเส้นใยเหนียวลักษณะเป็นร่างแห ผลอ่อนใช้รับประทานสดสามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายชนิด เช่น แกงเลียงบวบ บวบผัดไข่ มีสรรพคุณแก้ร้อนใน ลดไข้ ขับน้ำนม ขับปัสสาวะ แก้เลือดออกตามทางเดินอาหาร แก้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ส่วนของผลแก่สามารถนำเส้นใยมาขัดถูตัวเพื่อผิวพรรณที่เนียนนุ่มขึ้นค่ะ

สูตรสครับผิวด้วย “ใยบวบขัดผิว” “ใยบวบขัดตัว”

1. นำมะขามเปียก 1 ถ้วยตวง มาทาให้ทั่วบริเวณผิวที่ต้องการขัดให้ทั่วทิ้งไว้สักครู่ จากนั้นนำใยบวบแช่น้ำจนนุ่มแล้วมาขัดเป็นวงกลมอย่างเบามือประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกผิวจะใสและนุ่มขึ้น

2. นำเกลือผสมกับน้ำมันมะกอกผสมให้เข้ากันแล้วเติมน้ำมะนาวลงไป จากนั้นนำมาชโลมผิวทิ้งไว้สักครู่นำใยบวบที่อ่อนนุ่มขัดเบาๆ แล้วล้างออก ผิวจะสะอาดหมดจดและใสขึ้นเมื่อทำเป็นประจำ เนื่องจากเกลือสามารถผลัดเซลล์ผิวเก่าออกได้ น้ำมันมะกอกช่วยให้ผิวชุ่มชื้น น้ำมะนาวจะทำให้ผิวใสขึ้น

ใยบวบ
ใยบวบ

น้ำขิงปรับสมดุล


ทานขิงปรับสมดุล

ในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง ตามทฤษฏีของไทยบอกว่า “จะทำให้ธาตุลมของร่างกายอ่อนแอ และอาจจะเป็นเหตุให้ร่างกายคุณป่วย เป็นโรคไข้หวัด การย่อยอาหารไม่ดี มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ” ดังนั้น การเสริมอาหารโดยใช้สมุนไพรที่มีรสเผ็ดร้อน เพื่อช่วยปรับธาตุลมให้กลับคืนเข้ามาสู่สมดุล และมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น

ขิง เป็นสมุนไพรรสเผ็ดร้อน สามารถประกอบอาหารได้หลายอย่าง ในประเทศอินเดียใช้ขิงในการบำบัดรักษาสุขภาพมานานกว่า 2,000 ปีแล้ว ในสรรพคุณของขิงจะมีสารออกฤทธิ์สำคัญคือ “จิงเจอรอล” “โชกอร” ใช้ช่วยบรรเทาอาการ ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ บางตำรา มารดาที่ให้นมบุตรให้รับประทานขิงมากๆ สารสำคัญจากขิงสามารถผ่านไปยังน้ำนม ช่วยทำให้ทารกไม่มีอาการปวดท้อง นอกจากนั้น ในกรณีที่ท้องเสีย ให้ลดอาหารที่มีกาก อาหารแข็ง และการดื่มน้ำขิงจะช่วยทำให้การอักเสบที่เกิดจากพิษของเชื้อโรคลดลงช่วยขับเชื้อโรค ดังนั้น หากว่าอาการท้องเสียมีความรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์จะดีกว่า ส่วนผู้ที่เจ็บป่วย เป็นหวัด หรือ ปวดศรีษะ การรับประทานขิงสดๆจะช่วยได้ดีมาก สรรพคุณของขิง ยังมีอีกมากมาย เช่น ขิงยังช่วยแก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน เวลาที่อาหารเป็นพิษได้

น้ำขิงสด 1 – 2 ช้อนชา ผสมน้ำผึ้งเจือน้ำอุ่น เติมเกลือเล็กน้อย จะทำให้รสดีขึ้น ช่วยแก้อาการอาเจียนได้เป็นอย่างดี หรือนำขิงแก่มาต้มใส่น้ำตาล ดื่มร้อนๆ จะทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้น ป้องกันอาการหวัดได้ดี

ที่มา : สาระน่ารู้คู่บ้าน

น้ำขิง
น้ำขิง

ผักผลไม้ต้านมะเร็ง


สูตร ผักผลไม้ต้านมะเร็ง

เป็นสูตรน้ำผักต้านมะเร็ง ลองทำทานกันดูนะคะ
บทความคัดลอกมานะคะ.

น้ำผักผลไม้สูตรนี้ ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง มีผิวพรรณสดใส

ลองนำไปปั่นทานกันดู..น่าจะดีต่อสุขภาพไม่มากก็น้อย
ส่วนประกอบก็ราคาไม่แพงมากด้วย

สูตรมีดังนี้
1. แอปเปิ้ล 1 ผล
2. แครอท 1 ลูก
3. ผักสลัด (ผักกาดแก้ว) 3 ใบ
4. ตั้งโอ๋ 2 ก้าน
5. มะนาว 1 ลูก
6. น้ำเสาวรส 1/2 แก้ว (ถ้าไม่มีสดให้ซื้อน้ำเสาวรสกระป๋องก็ได้ค่ะ)
7. น้ำผึ้งแท้ 1/2 แก้ว
8. น้ำเปล่า 1-2 แก้ว แล้วแต่ความชอบ
9. ฝรั่ง 1 ผล
10. มะเขือเทศสีดา (ลูกเล็กๆ) 5 ลูก
11. น้ำตาลทรายแดง 3 ช้อนโต๊ะ
นำทุกอย่างมาปั่นรวมกัน

สูตรนี้จะทำได้ประมาณ 1 ลิตร ในกรณีที่เป็นคนป่วย
ให้รับประทานวันละ 1 ลิตร แต่ถ้าดื่มเพื่อสุขภาพเฉยๆ
สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 2-3 วัน
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.jatuka.com/ความรู้ทั่วไป/สูตรน้ำผักต้านมะเร็ง/

ผักต้านมะเร็ง
ผักต้านมะเร็ง

A WordPress.com Website.

Up ↑

อาหาร

อาหารชนิดต่างๆๆ

THAI FOOD

Yupasiri Pacharoen M.6.3 Number 2

ขนมหวานเเห่งความอร่อย

อร่อยน่ะจะบอกให้

ibreak2travel (หนีงานไปเที่ยว)

ทำงานให้เป็นต้องรู้จักเที่ยว

ร้านป้าน้อย

ร้านขายน้ำ ขนม ผลไม้ ในโรงเรียนราชบุรีบริหารธุรกิจ

CleanFoodAndHealthyFood

อาหารลดน้ำหนักคลีนฟู้ด

ขนมไทย 4 ภาค

หลากหลายความอร่อยขนมไทย 4 ภาค เหนือ อีสาน กลาง ใต้

ขนมไทย

Natcha Wongsuwat Nuber 07 M6.3

ขนมไทย

ขนมไทยง่ายๆ ขนมไทยชาววัง ของหวานอร่อยๆ วิธีทำขนมไทย

ขนมไทย อะไรเอ่ย

รวมสูตรขนมไทยหลายชนิดพร้อมภาพประกอบ และคำบรรยายวิธีการทำตามขั้นตอนอย่างละเอียด เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่สนใจหัดทำขนมไทยด้วยตนเอง

xkcd.com

ขนมหวาน แบบไทยๆ ทานได้ ทำได้ ง่ายๆ

Daring Fireball

ขนมหวาน แบบไทยๆ ทานได้ ทำได้ ง่ายๆ