จดหมายจากวัยรุ่น ถึง ความรัก


news_img_517015_1

 

การเรียนรู้ที่สำคัญของลูก พ่อแม่ต้องสนับนุนและให้คำแนะนำที่ถูกต้อง เพื่อให้เขาไม่เสียโอกาสไปตลอดชีวิต

ฉันเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงคุณในฐานะวัยรุ่นคนหนึ่ง ฉันเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่า ถ้าฉันเจอคุณแล้วจะรู้สึกยังไง แต่ฉันเชื่อว่าการพบเจอ “ความรัก” เข้าจังๆ กับใครสักคนมันก็คงเป็นเรื่องที่สวยงามไม่น้อยเลย…แต่ ผู้ใหญ่หลายคนมักบอกว่าฉันยังเด็กเกินไป ยังไม่เข้าใจความรักดีพอ มันเร็วเกินไป สิ่งที่เขาพูดมันถูกต้องแล้วหรือ?

อ้อ! ฉันเคยเห็นคนที่ผิดพลาดและเจ็บปวดเพราะเรื่องความรักด้วย พวกเขาบางคนก็เป็นวัยรุ่นเช่นเดียวกับฉัน หลายคนร้องไห้ฟูมฟาย หลายคนฆ่าตัวตาย “ความรัก”..คุณพาคนสองคนมาพบมาผูกพันกัน มา “รักกัน” แต่เมื่อคุณทอดทิ้งเขาทั้งสองไป กลับเกิดเรื่องน่าสะเทือนใจแบบนี้ขึ้น คุณช่างใจร้ายเหลือเกิน ถ้าเป็นเช่นนี้ในใจฉันก็เริ่มกลัวคุณเสียแล้วล่ะ! เมื่อคุณจากไปจะทำให้ฉันเจ็บปวดเช่นนั้นหรือ? คุณโหดร้ายมากขนาดนั้นเชียวหรือ? งั้นที่ว่าความรักสวยงามก็คงจะไม่จริงเสียแล้วสิ?…

เมื่อคุณมีทั้งด้านที่แสนงดงามและน่าหวั่นกลัวหรือถ้ามันยังเร็วเกินไป ฉันยังควรจะมี “ความรัก” อยู่ไหม? ถ้าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา…แล้วอีกนานแค่ไหนเวลาที่สมควรจึงจะเดินทางมาถึงฉันสักที?… “ความรัก”… ได้โปรดตอบฉันที ด้วยความสงสัย ความหวัง และรอคอย

ฉันเขียนลงท้ายจดหมายเช่นนั้น เพราะยังไม่แน่ใจว่ารักเป็นเช่นใด จนกว่าฉันจะได้รับคำตอบจาก “ความรัก”ฉันไม่รู้ที่อยู่ของความรัก ฉันจึงตัดสินใจปิดปากซองจดหมายทั้งที่ยังไม่ได้จ่าหน้าซอง ฉันฝากมันไปกับสายลม หวังว่าสายลมจะนำจดหมายนี้ให้คุณอ่าน เมื่อคุณอ่านแล้วได้โปรดตอบฉันด้วยนะ “ความรัก”

ทันใดนั้นฉันได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบา ผ่านสายลมมาถึงฉัน นี่ “ความรัก” กำลังคุยกับฉันหรือนี้!

สวัสดีจ้ะ…วัยรุ่นช่างสงสัย

ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณหรอก มันดูห่างเหินเกินไปนะ เพราะจริงๆ แล้วฉันอยู่รอบๆ ตัวเธอนั่นแหละ อยู่ใกล้จนเธอไม่คาดคิดเชียวล่ะ! ฉันจะค่อยๆตอบคำถามเธอก็แล้วกันนะ ที่ผู้ใหญ่พูดว่าเธอยังเด็ก ยังไม่รู้จักความรักดีพอ เร็วเกินไปที่จะมีความรักนั้น

สำหรับฉันแล้ว ทุกคนรู้จักความรักดีไม่แพ้กัน เพราะความรักของแต่ละคนมีแง่มุมที่ไม่เหมือนกัน ความรักมีหลายแบบ รักพ่อ-แม่ รักพี่น้อง รักคุณครู รักเพื่อน ไม่เฉพาะเจาะจงต้องเป็นความรักแบบคู่รักเสมอไปและคงไม่เร็วไปหรอกหากเธอจะมีใจรักพ่อ-แม่ รักผู้ที่มีพระคุณต่อเธอ แต่ที่ผู้ใหญ่กล่าวเช่นนั้น เพราะพวกท่านรักและเป็นห่วงเธอ ความห่วงใย ไม่ใช่เรื่องถูกหรือผิด แต่เป็นเรื่องของ “ความรัก” ที่เราต่างหยิบยื่นให้กันและกัน

จริงๆ แล้ว “ความรัก” ไม่เคยทิ้งเธอไปไหน มีเพียง “คนรัก” เท่านั้นที่จากไป ตราบใดที่เธอยังมีสติและรักตัวเอง เธอจะไม่เจ็บปวด เพราะความรักไม่เคยทำร้ายใคร ฉันไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกนะจ๊ะ พวกที่ทุกข์ เมื่อเสีย “คนรัก”ไปคือผู้ไม่มีสติ ขอเพียงเธอมีสติอยู่กับตัว เธอจะไม่เจ็บปวด ความรักที่เราหยิบยื่นให้แก่กันนั้น ช่วยแต่งแต้มโลกให้สวยงามเสมอ เวลาที่คนเราจะทำอะไร ก็ต้องอาศัยความรักเป็นจุดเริ่มต้น เช่น เราจะทำงานอะไรซักอย่าง ก็ต้องมีความรักในงานที่จะทำเป็นตัวเริ่มต้น

แต่หากเธอหมายถึงความรักแบบคู่รัก เธอมีสิทธิ์ที่จะรักใครก็ได้ เพราะหัวใจรักเป็นของเธอ แต่จงรักอย่างมีสติ และตั้งอยู่บนความถูกต้องตามทำนองคลองธรรม เหมือนดังบทกลอนที่ว่า “รักสั้นนั้นให้รู้อยู่เพียงสั้น รักยาวนั้นอย่าให้เยิ่นเกินกฎหมาย มิใช่ตายแต่เขาเราก็ตาย แหงนดูฟ้าอย่าให้อายแก่เทวดา” จากบทกลอนของอิศรญาณภาษิต ไงจ๊ะ

สัปดาห์นี้ ลูกสาวที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยรุ่น สงสัยกำลังจะมีความรักเลยขอใช้พื้นที่กระดาษ เขียนเรื่องราวที่อยากเขียน เมื่อลูกกล้าขอพ่อก็กล้าให้ เพราะนี้คือโอกาสแห่งการเรียนรู้ที่สำคัญ เพราะหากเด็กถูกขัดขวางความคิดสร้างสรรค์และสิ่งที่อยากทำในขณะนั้น เด็กก็อาจเลิกล้มความตั้งใจที่จะทำสิ่งนั้นไปตลอดชีวิตเลยก็เป็นได้ และแล้วก่อนส่งต้นฉบับเพียงหนึ่งวัน ผมก็ได้รับต้นฉบับ…จดหมายจากวัยรุ่น บวกกับภาพประกอบเรื่องและรอยยิ้มจากลูกสาว

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

 

news_img_517015_1

 

หัวเราะสั่งได้ ยาอายุวัฒนะประจำวัน


2.laugh-til-it-hurts

สังคมไทยมีแต่เรื่องเครียด ทั้งยังเจอเศรษฐกิจโลกซ้ำอีก ส่งผลให้คนทำงานระส่ำระสาย เงินเดือนไม่ขึ้น แย่กว่าคือตกงาน คนเครียด ไม่มีความสุข เคยเรียกว่าเป็นสยามเมืองยิ้ม มาเป็นสยามเมืองม็อบ คนไทยยิ้มยากขึ้น หัวเราะคงยากขึ้นไปอีก จะกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ไม่มีความสุข ต้องมาหัดยิ้ม หัดหัวเราะกันใหม่ โดยเฉพาะให้ร่างกายภายในทุกส่วนได้หัวเราะกันบ้าง

550px-do-an-evil-laugh-step-5

ดร.จิตรา ดุษฎีเมธา หัวหน้าโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า เสียงหัวเราะถือเป็นเสียงที่เป็นสากลที่มวลมนุษยโลกเปล่งออกมาภายใต้การทำงานของสมอง เพื่อแสดงออกทางอารมณ์ในทางบวกเพื่อการผ่อนคลาย เพื่อการสร้างสัมพันธ์ และเสียงหัวเราะยังสามารถนำไปใช้ในการบำบัด รักษา ป้องกัน โรคทางกาย โรคทางจิตใจ เป็นพื้นฐานปูทางสู่การเข้าสังคมและสร้างสัมพันธ์อย่างมั่นใจ จนมีคำกล่าวว่าเสียงหัวเราะคือ ยาอายุวัฒนะ อาการที่ทำได้ง่ายๆ ไม่ต้องลงทุนมาก

friends-friendship-girls-laugh-smile-favim.com-74560_large

อารมณ์และเสียงหัวเราะที่ส่งผลต่อสรีระกายและจิตใจของมนุษย์ นักประสาทสรีรวิทยาสมัยใหม่เชื่อว่าเสียงหัวเราะเกิดจากการกระตุ้นของสมองในส่วนที่ผลิตสารแห่งความสุข หรือสารเอนดอร์ฟิน โดยสารนี้จะหลั่งออกมาภายหลังจากคนเราได้ทำกิจกรรมบางอย่าง อาทิ การกินอาหารที่ดี การมีเพศสัมพันธ์ การออกกำลังกาย และการหัวเราะเมื่อฟังเรื่องตลกขบขัน

พบว่า สมองส่วนปฐมภูมิทำหน้าที่ควบคุมด้านอารมณ์ และมีหน้าที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการอยู่รอด ส่วนที่เกี่ยวกับการหัวเราะคือส่วนของอมิดาลาและฮิปโปแคมปัส ที่พบว่าผู้ที่มีปัญหาทางสมองหรือโรคเส้นเลือดในสมอง จะมีความเสียหายทางสมองซีกขวา ซึ่งเป็นสมองส่วนของอารมณ์ ทำให้ตอบสนองในด้านอารมณ์ขันลดลง

ศาสตร์แห่งการหัวเราะนั้น ได้รับการจัดเป็นหนึ่งในทางเลือกของสุขภาพแบบองค์รวม ในทั่วทุกมุมโลกในการบำบัดรักษาผู้ป่วย ทั้งผู้ป่วยทางกายและทางจิตใจ อาทิ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน มะเร็งชนิดต่างๆ โรคนอนไม่หลับ ความดัน ท้องผูก เครียด หัวใจ โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจชนิดต่างๆ กระเพาะอาหาร วิตกกังวล ซึมเศร้า ปัจจุบันมีการจัดโปรแกรมการฝึกหัวเราะ และมีการจัดตั้งชมรมหัวเราะในประเทศต่างๆ ขึ้นทั่วโลก กว่า 5,000 ชมรม ประเทศไทยมีการฝึกหัวเราะและการสอนศิลปะแห่งการหัวเราะมากว่า 20 ปี

laugh_harder_by_firemisha

 

ฝึกร่างกายสั่งอวัยวะให้หัวเราะ

1 .เสียงโอ / ท้องหัวเราะ เป็นการออกเสียงจากท้อง โดยยืนตัวตรง กางขาเล็กน้อย กางแขนออกไปด้านข้างของลำตัว งอแขนเล็กน้อย กำมือทั้งสองข้างโดยชูนิ้วหัวแม่มือขึ้น ตามองตรง สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ กักลมไว้ จากนั้นค่อยๆ เปล่งเสียง “โอ โอะๆๆ” เหมือนเสียงซานตาคลอสหัวเราะ และให้ค่อยๆ ปล่อยลมหายใจออก พร้อมๆ กับขยับแขนขึ้นลง

ประโยชน์ – เมื่อเปล่งเสียงโอ ทั้งลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก ตับ ไต และกระเพาะอาหารจะขยับขับเคลื่อนไปด้วย ท่านี้ช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานดีขึ้น ช่วยบำบัดโรคลำไส้อักเสบ โรคกระเพาะอาหาร ท้องผูก ท้องเสีย รวมถึงคนที่มีปัญหาโรคอ้วน ผอมแห้งแรงน้อย บูลิเมีย มีพุง หน้าท้องหย่อน และเบื่ออาหาร

2. เสียงอา / อกหัวเราะ เป็นการเปล่งเสียงออกจากอก ให้ยืนตรง กางขาเล็กน้อย กางแขนออกไปข้างลำตัวเหมือนนกกระพือปีก หงายมือขึ้น และปล่อยมือตามสบาย ตามองตรง สูดลมหายใจลึกๆ กักลมไว้ ค่อยๆ เปล่งเสียง “อา อะๆๆ” ดังๆ เหมือนเสียงเจ้าพ่อหัวเราะ ขณะเดียวกันให้ปล่อยลมหายใจออก พร้อมๆ กับกระพือแขนขึ้นลง

ประโยชน์ – เมื่อเปล่งเสียงอาจจะกระตุ้นให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าอก หัวใจ ปอด และไหล่ ขยับเขยื้อนไปด้วย ท่านี้จะช่วยให้อวัยวะบริเวณหน้าอกทั้งหมดทำงานได้ดีขึ้น และช่วยบำบัดโรคความดัน หัวใจ ปอด อาการเจ็บแน่นหน้าอก เส้นเลือดหัวใจตีบ โรคขาดเลือด โดยเฉพาะช่วยให้การเต้นของหัวใจทำงานดีขึ้น ส่งผลให้การสูบฉีดและการไหลเวียนเลือดในร่างกายดีขึ้น

2.laugh-til-it-hurts

 

3. เสียงอู / คอหัวเราะ เป็นการเปล่งเสียงออกจากลำคอ เริ่มด้วยยืนตรง กางขาเล็กน้อย แขนแนบลำตัว ยกตั้งฉากชี้ไปข้างหน้า งอนิ้วนางและนิ้วก้อยเข้าหาตัวเอง ยกนิ้วหัวแม่มือขึ้น และชี้นิ้วชี้และนิ้วกลางไปข้างหน้าในลักษณะชิดติดกัน เหมือนท่ายิงปืน ตามองตรง จากนั้นสูดลมหายใจลึกๆ กักลมไว้ แล้วค่อยๆ เปล่งเสียง “อู อุๆๆ” เหมือนเสียงหมาป่าหอน ขณะเดียวกันค่อยๆ ปล่อยลมหายใจออก

ประโยชน์ – เมื่อเปล่งเสียงอูจะกระตุ้นให้บริเวณลำคอสั่น ท่านี้จะช่วยแก้ปัญหาเจ็บคอ คออักเสบ ปวดคอ คนที่มีปัญหาเนื่องจากต้องใช้เสียงเยอะๆ เช่น ครู นักร้อง ท่านี้จะช่วยให้คอโล่ง ช่วยรักษาโทนเสียง

4. เสียงเอ / ใบหน้าหัวเราะ ท่านี้จะทำแบบสบายๆ โดยยืนตามสบาย ค่อยๆ ยกมือขึ้นมาตามถนัด สูดลมหายใจลึกๆ แล้วขยับทุกนิ้ว ทั้งหัวแม่มือ ชี้ กลาง นาง และก้อย ตามองตรง ระหว่างนั้นให้เปล่งเสียง “เอ เอะๆๆ” ออกมา เหมือนหยอกล้อเด็ก นอกจากจะได้ฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กที่นิ้วมือแล้ว ท่านี้ยังช่วยบริหารสมองด้วย

ประโยชน์ – คนสมัยนี้ชอบคิดมาก บึ้งตึง จึงทำให้เครียด ปวดศีรษะ ปวดสมอง เมื่อเปล่งเสียงเอ ใบหน้าจะมีลักษณะเหมือนกำลังฉีกยิ้มโดยอัตโนมัติ เหมือนเรากำลังเล่นจ๊ะเอ๋กับเด็กตัวเล็กๆ เสียงเอจะทำให้เรายิ้มง่ายขึ้น

friends-friendship-girls-laugh-smile-favim.com-74560_large

 

5. เสียงอึม / ใช้สมองหัวเราะ ด้วยความเครียดทำให้คนคิดมาก มองโลกในแง่ร้าย สะสมความไม่สบอารมณ์ต่างๆ มีแต่ภาพร้ายๆ ทำให้เครียด มึน หนักศีรษะ ทำให้ปวดหัวบ่อยๆ แม้กระทั่งตื่นนอนตอนเช้าก็ปวดหัวทันที เสียงอึมที่เปล่งลึกๆ แน่น สูดหายใจให้ลึกจากท้อง ผ่านอก ลำคอ ไปสู่สมอง จะทำให้คลื่นสมองที่ไม่เป็นระเบียบจัดระเบียบเรียงตัวได้ดีขึ้น จะทำให้รู้สึกโล่ง เบา โปร่ง ไม่หนักศีรษะ

ประโยชน์ – ล้างภาพไม่ดีออกจากความคิด ฝึกให้เป็นคนมองโลกในแง่ดี ลดความเครียด ความหนักอึ้งในศีรษะออกไป โดยธรรมชาติของมนุษย์เมื่อเครียดมักจะปิดปาก เป็นเหตุให้ความดันขึ้นสมอง ท่านี้จะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว โดยปิดปากแล้วเปล่งเสียง “อึๆๆ” ดันให้เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นไปนวดสมอง เมื่อทำเสร็จจะรู้สึกโล่ง โปร่ง สบาย มีผลต่อการประมวลผลข้อมูลของสมอง ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ประสาทและสมองส่วนหน้า มีผลต่อกระบวนการคิดและแก้ปัญหาในเชิงสร้างสรรค์ ทำให้อารมณ์ดี มีอารมณ์ขัน

550px-do-an-evil-laugh-step-5

 

6. เสียงฮึ / จมูกหัวเราะ ย่นจมูกขึ้นและทำเสียงฮึๆ ในจมูกเหมือนม้า ท่านี้จะช่วยไล่สิ่งสกปรกในจมูกออกมา บำบัดภูมิแพ้ ไซนัส หวัด โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาเรื่องระบบหายใจ ท่านี้จะช่วยให้จมูกโล่ง หายใจสะดวก

7. เสียงอ่อย / ตาหัวเราะ กะพริบตาถี่ๆ กรอกตาขึ้นลงเป็นวงกลม แล้วเปล่งเสียง “อ่อยๆๆ” เล่นหูเล่นตา มองซ้ายที ขวาที เพื่อการบริหารดวงตาให้ผ่อนคลาย ใครที่มีปัญหาตาแห้ง หรืออยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ท่านี้จะทำให้มีน้ำหล่อเลี้ยงที่ตา ช่วยให้ตาชุ่มชื้นขึ้น

8. เสียงเอะ / ไหล่หัวเราะ เป็นการบริหารช่วงไหล่ ยืนตรงแล้วส่ายไหล่ไปมา เหมือนการว่ายน้ำฟรีสไตล์ พร้อมกับเปล่งเสียง “เอ เอะๆๆ” ใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับไหล่ ท่านี้ช่วยได้

9. อู…อุ / เอวหรือก้นหัวเราะ ช่วยบริหารบริเวณไขสันหลัง ก้นและสะโพก โดยช่วงกลางลำตัวต้องนิ่งอยู่กับที่ ขณะทำให้แขม่วท้องขมิบก้น พร้อมเปล่งเสียง “อู อุๆๆ”

เมื่ออวัยวะภายในถูกขยับขับเคลื่อน เหมือนการออกกำลังภายในคอยควบคุมเส้นประสาทสรีระกายตามอวัยวะส่วนต่างๆ รวมทั้งกระบวนการหายใจให้ขยับขับเคลื่อนอย่างตั้งใจ ที่เรียกว่า “เลือดลมขับเคลื่อน” ก็จะเกิดการขับเคลื่อนอย่างเป็นพลวัต กระบวนการทำงานของสภาพกายทุกส่วนและสภาพจิต ทั้งอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด ก็เกิดความคล่องตัวและสมดุลในตัวเอง ไม่เกิดความขัดแย้งจนเป็นอาการป่วยกายใจ

laugh_harder_by_firemisha

 

สำหรับการบำบัดด้วยเสียงหัวเราะ ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยา กล่าวว่า แบ่งเป็น 5 กลุ่ม คือ

1) อารมณ์ขันบำบัด

โดยอาศัยอุปกรณ์และเครื่องมือเข้ามาช่วยกระตุ้นให้ผู้เข้ารับการฝึกเกิดอารมณ์ขันหรือเสียงหัวเราะขัน ได้แก่ หนังสือตลก การแสดงตลก ภาพยนตร์ตลก การเล่าขำขัน การบำบัดแบบนี้ จะทำโดยผู้เชี่ยวชาญ

2) การบำบัดด้วยนักแสดงตลก

มีการจ้างนักแสดงตลกมาแสดงตลกให้ดู ในรูปแบบของการแสดงดนตรี การแสดงมายากล การทำสีหน้าท่าทางตลกออกมา เพื่อสร้างเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม อารมณ์ขันแก่คนไข้ ญาติ ผู้มาติดต่อ ในเด็กเล็ก การบำบัดด้วยนักแสดงตลกจะทำให้ความกลัวลดลง เบนความสนใจ และลดความตึงเครียด ลดอาการเจ็บปวด และกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้เพิ่มมากขึ้น

3) การหัวเราะบำบัด

เสียงหัวเราะเกิดจากการถูกกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น มีคนทำตลกให้ดู การนึกถึงเรื่องราวในวัยเด็ก การฟังเรื่องขำ แต่มีคนบางประเภทหรือมีคนบางกลุ่ม แม้จะมีตัวกระตุ้นจากภายนอกก็ไม่อาจทำให้หัวเราะได้ คือผู้ที่มีความจริงจัง อยู่ในภาวะวิตกกังวล ซึมเศร้า การหัวเราะบำบัดจึงเป็นการสอนและฝึกวิธีการหัวเราะ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เห็นความสัมพันธ์ของการสร้างสัมพันธภาพและการให้กำลังใจ

4) การหัวเราะร่วมกับสมาธิ

มักจะต้องมีพื้นฐานของการทำสมาธิด้วย การหัวเราะประเภทนี้จะให้บุคคลอยู่กับการทำสมาธิในช่วงเวลาหนึ่ง โดยมีขั้นตอนหลักอยู่ 3 ขั้น คือ การยืดกล้ามเนื้อ การหัวเราะ และการเงียบสักครู่เพื่อทำสมาธิ ในขั้นตอนแรก บุคคลจะยืดกล้ามเนื้อกายในทุกส่วนของร่างกาย โดยยังไม่มีการหัวเราะ ขั้นตอนที่ 2 เริ่มด้วยการยิ้ม และค่อยๆ หัวเราะออกจากท้อง ขั้นตอนสุดท้าย จะให้บุคคลหยุดการหัวเราะในทันทีทันใด และให้หลับตาหายใจเข้าออกโดยไม่ต้องเปล่งเสียง และมีสมาธิอยู่ที่ลมหายใจสักครู่ กระบวนการทั้งหมด 3 ขั้นตอน ใช้เวลา 15 นาที จะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อฝึกต่อไป

5) หัวเราะแบบโยคะ

การฝึกหัวเราะในแบบนี้จะทำควบคู่ไปกับการหายใจ การยืดกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นหลักพื้นฐานของการฝึกโยคะ ระยะเวลาที่ใช้ฝึกประมาณ 30-45 นาที โดยผู้นำฝึกจะต้องได้รับการฝึกเป็นอย่างดีมาก่อน การฝึกหัวเราะแบบนี้ถือได้ว่าเป็นการบำบัดเชิงป้องกัน สามารถทำได้เป็นกลุ่มเพื่อฝึก ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ช่วยใดๆ ในการฝึก การหัวเราะแบบโยคะนี้คล้ายกับการฝึกอาสนโยคะ

หัวเราะเคาะโรค

เมื่อคนเราหัวเราะ เสียงหัวเราะไม่เพียงแต่จะช่วยให้มีชีวิตชีวาเท่านั้น ยังมีผลดีต่อสุขภาพร่างกาย จิตใจ สังคม และทางจิตวิญญาณอีกด้วย

1.เสียงหัวเราะกับสุขภาพกาย การหัวเราะมีผลต่อสุขภาพกาย เพราะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ช่วยลดการหลั่งฮอร์โมนความเครียด ระบบไหลเวียนโลหิตดี ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ระบบย่อยทำงานสะดวก

2.เสียงหัวเราะกับอารมณ์ เสียงหัวเราะกับอารมณ์มีความสัมพันธ์กัน และอารมณ์กับร่างกายยังสัมพันธ์ต่อกันอีกด้วย มีศาสตร์ใหม่ที่เรียกว่าจิตประสาทภูมิคุ้มกัน เป็นการศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของจิตที่มีต่อกาย พบว่าร่างกายจะมีระบบการเยียวยาตัวเองได้ดี หากบุคคลนั้นมีทัศนคติ ความคิด อารมณ์ในทางบวก แต่หากบุคคลเกิดอารมณ์ทางลบ จะส่งผลต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย แม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ ของอารมณ์ทางลบที่เกิดขึ้นมาก็ตาม และยิ่งถ้าปล่อยอารมณ์ทางลบให้เกิดต่อเนื่อง ระบบภูมิคุ้มกันหรือสารเคมีในร่างกายก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลง อารมณ์โมโหจะส่งผลต่อการทำงานของปอดลดลง

3.เสียงหัวเราะกับการปรับตัวและการเข้าสังคม เสียงหัวเราะทำให้บุคคลเกิดความผ่อนคลาย เป็นการปูพื้นฐานของการสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดี และก่อให้เกิดความมั่นใจในการเข้ากลุ่ม ก่อให้เกิดความไว้วางใจ ผ่อนคลาย เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ เสียงหัวเราะยังใช้ในการปลดปล่อยความตึงเครียด หรืออารมณ์ที่คั่งค้างที่มีอยู่ภายในตัวบุคคลให้ละลายออก

เราทำความสะอาดแต่ร่างกายภายนอก แต่ลืมที่จะทำอวัยวะภายในร่างกายให้สะอาด สดชื่น ท้อง อก ลำคอ ขึ้นไปถึงสมอง ยิ่งโตขึ้นก็หัวเราะกันน้อยลง วันนี้คุณหัวเราะแล้วหรือยัง

20 เคล็ดลับไดเอตอย่างถูกวิธีที่สาว ๆ ควรรู้


 20 เคล็ดลับไดเอตอย่างถูกวิธีที่สาว ๆ ควรรู้

       8 

สาว ๆ ทุกคนย่อมอยากมีรูปร่างผอมเพรียว เพื่อให้ตัวเองดูสวยมั่นใจไม่ว่าจะใส่ชุดไหนด้วยกันทั้งนั้น แต่ถึงอย่างนั้น ก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถทำได้อย่างที่ใจคิด เพราะการมีหุ่นสวยนั้น ต้องแลกกับการดูแลเอาใจใส่สุขภาพของตัวเองอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี ซึ่งอาจไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้วิธีการไดเอตอย่างถูกต้องเพื่อรูปร่างที่ดี
9

วันนี้กระปุกดอทคอมจึงได้รวบรวมเคล็ดลับการไดเอตดี ๆ มาฝาก เพื่อเอาใจสาว ๆ โดยเฉพาะ ลองไปอ่านกันดูเลยค่ะ

5

 1. การอดอาหารเป็นวิธีที่ไม่สามารถทำให้ผอมในระยะยาวได้ แถมยังเป็นอันตรายกับสุขภาพอีกด้วย เพราะฉะนั้นควรทานอาหารให้ครบทุกมื้อ
 2. เน้นการรับประทานอาหารที่เต็มไปด้วยไฟเบอร์ เพราะช่วยให้อิ่มท้องและไม่ทำให้น้ำหนักของคุณพุ่งพรวด

7

 
 3. ทานอาหารมื้อเล็ก ๆ 5 มื้อต่อวัน คุณจะได้เลิกกินขนมจุบจิบระหว่างมื้อ และได้อาหารพอดีกับความต้องการของร่างกาย

 4. ทานผักหรือผลไม้ทุกวัน จะได้ช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร

1

 5. เลิกทานน้ำอัดลม เพราะเป็นแหล่งรวมน้ำตาล ที่ทำให้รูปร่างของคุณอวบอ้วนขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

2

 6. เลี่ยงอาหารขยะ ซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพและเต็มไปด้วยไขมัน

 7. อยู่กับเพื่อน ๆ ที่สนับสนุนให้คุณทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แทนที่จะเป็นกลุ่มเพื่อนที่ชวนคุณทานอาหารขยะ

 8. กาแฟใส่นมหรือเครื่องดื่มจำพวกค็อกเทลนั้น ทำให้น้ำหนักของคุณเพิ่มได้มากพอ ๆ กับอาหารสักมื้อเลยทีเดียว ดังนั้นควรระมัดระวังในการเลือกเครื่องดื่ม

ระหว่างมื้อด้วย
 9. แม้คุณจะเกลียดการออกกำลังกาย แต่ก็ควรบังคับตัวเองให้ออกกำลังกายทุกวัน เพื่อให้รูปร่างกระชับสมส่วน

 10. เครื่องชั่งน้ำหนักไม่ใช่ตัวบอกผลที่ถูกต้อง 100% เสมอไป เพราะบางครั้ง คุณอาจมีน้ำหนักเท่าเดิม แต่มีรูปร่างที่กระชับขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงไขมันบางส่วนเป็นกล้ามเนื้อได้บ้างแล้วก็ได้ เพราะฉะนั้น ให้วัดว่าคุณผอมลงแค่ไหน จากไซส์เสื้อผ้าที่ใส่ จะแม่นยำกว่าการชั่งน้ำหนักมาก
3

 11. จำไว้ว่าความเสียดายเป็นบ่อเกิดของความอ้วน หากคุณรู้สึกอิ่มมากแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องทานให้หมดจานก็ได้

 12. การงดคาร์โบรไฮเดรตจากอาหารจำพวกแป้งไม่ใช่วิ

ธีที่ถูกต้องเสมอไป คุณควรทานอาหารพวกนี้น้อย ๆ แต่ก็ควรทานทุกมื้อ เพราะไม่ว่าอย่างไร ร่างกายของคุณก็ยังต้องการสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่

 13. หันมาทำอาหารทานเอง เพื่อจะได้กะปริมาณได้พอดี แล้วจะไ

ด้ดัดแปลงใช้แต่ส่วนผสมแบบที่เหมาะกับการลดความอ้วน

 14. หาคนไดเอทเป็นเพื่อน อาจเป็นคนในครอบครัว เพื่อนสนิท หรือแฟนของคุณก็ได้ จะทำให้คุณรู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น แถมยังมีคนคอยเตือนให้คุณทำต

ามแผนไดเอทตลอดเวลาอีกด้วย

6

 15. สร้างแรงบันดาลใจด้วยการคิดไว้ว่าคุณไดเอทครั้งนี้เพื่ออะไร เช่นเพื่อให้สามารถใส่ชุดสวยตัวเดิมเมื่อหลายปีก่อนได้อีกครั้ง หรือเพื่อเป็นแบบอย่างในการมีสุขภาพที่ดีแก่ครอบครัว

 16. เวลาไปจ่ายตลาด ควรเดินในโซนของสดเพื่อซื้อกลับไปทานอาหารทานเองเท่านั้น อย่าเดินไปในบริเวณอาหารขยะหรืออาหารสำเร็จรูปให้คุณรู้สึกหวั่นไหวเด็ดขาด
 17. ให้รางวัลความพยายามของตัวเองเพื่อให้คุณรู้สึกมีกำ

ลังใจมากขึ้น ด้วยการซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่หรือของอื่น ๆ ที่คุณอยากได้ แต่อย่าให้รางวัลตัวเองเป็นอาหารมื้อใหญ่เด็ดขาด เพราะจะเป็นการลงโทษตัวเอง ด้วยการทำลายความพยายามในการไดเอทที่ผ่านมาเสียมากกว่า

 18. หันมาทานขนมปังโฮลเกรนซึ่งมีไฟเบอร์มากกว่าแทนขนมปังขาว จะช่วยในการลดน้ำหนักมากขึ้น

 19. เลี่ยงการใช้ยาลดความอ้วน เพราะอาจเป็นอันตรายถึงสุขภาพ แถมยังไม่สามารถช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ในระยะยาวอีกด้วย
 20. ลองหาเครื่องมือเช็คแคลอรี่ที่คุณทานและที่คุณเผาผลาญต่อวันมาใช้ ผ่านการโหลดแอพพลิเคชั่นหรือเข้าอินเทอร์เน็ต เพื่อคำนวณความสมดุลในการใช้พลังงานต่อวันของคุณดู จะได้ทานอาหารและออกกำลังกายได้เหมาะสมมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณอายุมากขึ้น จะทำให้น้ำหนัก

เริ่มอยู่ตัวมากขึ้น จนอาจทำให้ลดน้ำหนักได้ช้าลงด้วย เพราะฉะนั้น อย่าเครียดหรือท้อจนล้มเลิกการไดเอต แต่ควรอดทนรออย่างใจเย็นจะดีกว่านะคะ

4

A WordPress.com Website.

Up ↑

อาหาร

อาหารชนิดต่างๆๆ

THAI FOOD

Yupasiri Pacharoen M.6.3 Number 2

ขนมหวานเเห่งความอร่อย

อร่อยน่ะจะบอกให้

ibreak2travel (หนีงานไปเที่ยว)

ทำงานให้เป็นต้องรู้จักเที่ยว

ร้านป้าน้อย

ร้านขายน้ำ ขนม ผลไม้ ในโรงเรียนราชบุรีบริหารธุรกิจ

CleanFoodAndHealthyFood

อาหารลดน้ำหนักคลีนฟู้ด

ขนมไทย 4 ภาค

หลากหลายความอร่อยขนมไทย 4 ภาค เหนือ อีสาน กลาง ใต้

ขนมไทย

Natcha Wongsuwat Nuber 07 M6.3

ขนมไทย

ขนมไทยง่ายๆ ขนมไทยชาววัง ของหวานอร่อยๆ วิธีทำขนมไทย

ขนมไทย อะไรเอ่ย

รวมสูตรขนมไทยหลายชนิดพร้อมภาพประกอบ และคำบรรยายวิธีการทำตามขั้นตอนอย่างละเอียด เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่สนใจหัดทำขนมไทยด้วยตนเอง

xkcd.com

ขนมหวาน แบบไทยๆ ทานได้ ทำได้ ง่ายๆ

Daring Fireball

ขนมหวาน แบบไทยๆ ทานได้ ทำได้ ง่ายๆ