วิธีการประหยัดให้พอกินพอใช้ตลอดเดือน


132_1-258x300

วันนี้ผมได้เห็นข้อมูลจากหนังสือในการประหยัดตังค์ให้พอใช้ที่จะจับจ่ายอย่างคุ้มค่า  แม้จะเขียนมานานแล้ว  แต่ก็มีประโยชน์และดูจะเหาะกับเหตุการณ์ในปัจจุบันนี้

1.ถ้าจะทำอะไรกินควรจะรู้จัดคำว่าทำอะไรก่อนหลัง เพื่อประหยัดไฟ

2.เวลาซื้อไก่  ควรจะซื้อทั้งตัว  จะถูกกว่าไก่แบบตัดเป็นชิ้นๆ  แต่ถ้าหากมีเงินพอแค่ซื้อเป็นชิ้นๆ  ก็ซื้อไปเถิด…อย่าซื้ออะไรเกินตัว

3.ก่อนจะออกไปซื้อของ  ควรกินอะไรรองท้องให้อิ่มเสียก่อน  จะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อกินนอกบ้าน  ขอให้พกเงินติดตัวให้น้อย  จะได้ไม่ต้องจ่าย(ทำได้ไหมเอ๋ย)

4.ถ้ามีรถยนต์ส่วนตัวใช้  ควรสูบลมยางให้มากว่าเลขต่ำสุดที่บอกไว้สัก 2-4 ปอนด์  จะทำให้ยางสึกหรอน้อยลง  พวงมาลัยคล่องขึ้น  กินน้ำมันน้อยลง  เวลาขับอย่าเร่งเครื่องเร็วเกินไป  ความเร็วปานกลาง  จะกินน้ำมันน้อย  อย่าแก่เหยียบห้ามล้อบ่ายๆ  หรือแสดงอภินิหารเลี้ยวรถแบบยกล้อ…..บางจะสึกและเสีย  หรืออาจจะทำให้รถตามหลังอารมณ์เสียจนเราต้องเจ็บตัวหรือเสียอะไรก่อนถึงที่หมาย  ทางที่ดีควรขึ้นรถประจำทางหรือรถไฟฟ้าดีกว่านะครับ

5.ประหยัดไฟฟ้าด้วยการปิดไฟเวลาไม่ใช้งาน  หรือถ้าเป็นห้องแอร์  ควรต้องหิดหน้าต่างให้มิดชิด  ห้องจะได้เย็นอยู่เรื่อยๆ  ทำให้เครื่องปรับอากาศไม่ต้องสตาร์ดบ่อยๆ จะทำให้ประหยัดไฟฟ้าได้มาก

6. ซื้ออาหาร  ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู  ปลา กุ้ง ผัก ผลไม้  ควรซื้อจากแม่ค้าโดยตรง  ไม่ควรผ่านคนกลาง  ราคาจะถูกลง  ถ้าจะให้ดี….จงไปตลาดกำลังจะวาย  จะได้ของถูกว่าตอนเช้า  (แต่ของที่ได้ก็คงไม่ค่อยดีนัก  ก็เหลือเลือกมาแล้ว…..ปลาก็คงแทนที่เนื้อจะแข็ง  กลายเป็นเนื้อนิ่ม  ผักก็คงไม่สดเท่าไรนัก)

7.ถ้าลูกๆ ของเงินไปดูหนัง  ให้บอกว่า  ไปสวนสาธารณะดีกว่าลูก  จะได้ไม่ต้องเสียเงิน (แต่อย่าไปสวนจตุจักร  เพราะดีไม่ดีอาจจะถูกข่มขืนเป็นของแถม)

8.เงินเดือนออกทุกครั้ง  ถ้าทำได้พยายามเก็บเงินจำนวนหนึ่งเอาไปฝากออมทรัพย์….หากต้องการใช้ระยะใกล้ๆ  อย่างน้อยจะได้ดอกเบี้ยบ้างเพราะเขาให้เป็นรายวัน  ถ้าคิดว่าไม่ใช้   ถ้ามีเงินเหลือใช้น่าเอาไปฝากธนาคารแบบฝากประจำ  ดอกเบี้ยจะมากกว่า  โดยออมทรัพย์ร้อยละ 2.5 ฝากประจำอาจจะร้อยละ 5  ถ้าจะให้ดีซื้อพันธบัตรรัฐบาล  ปัญหาก็ตรงที่ว่า  เราพอจะมีเงินฝากเชียวหรือ  ส่วนมากหน้ามืด(ไม่พอใช้)  กันเกือบทุกเดือนเป็นประจำอยู่แล้ว

9.ถ้าเงินไม่พอใช้  จำเป็นต้องกู้  ควรจะกู้แบบระยะสั้น  ในอัตราดอกเบี้ยที่ไม่ขูดจนเดือดซิบๆ ไม่ควรกู้แบบส่งผ่อนระยะยาว  ดอกเบี้ยมันจะงอกยาวตามไปด้วย

10.ถ้ามีประกันชีวิตหรือประกันภัย  ควรส่งเป็นรายปีดีกว่ารายเดือนเพราะประหยัดเงินไปได้เกือบ 7- 8 เปอร์เซ็นต์

11.เวลาเขียนจดหมาย   ควรใช้แบบไปรษณียบัตรจะถูกกว่าเขียนแบบใส่ซองจะเสียตรงชาวบ้านได้อ่านกันเพลิน   เพราะนิสัยคนไทยค่อนข้างจะสอดรู้สอนเห็นเรื่องชาวบ้านอยู่เรื่อยๆ

12. ถ้าใครในบ้านเกิดเจ็บป่ายต้องกันยา  อย่าไปซื้อยาตามร้านกินเองเพื่อหวังว่าจะได้ไม้ต้องเสียค่าตรวจ  แต่จะตายเพราะไม่ได้ตรวจ  ฉะนั้น  อย่าได้เสียดายเงินเรื่องให้หมอตรวจ  อย่าซื้อยากินเองโดยพลการจากหมอตี๋ตามร้าน

13. จะซื้อยาอะไร  ขอให้นึกก่อนซื้อ  ว่าอะไรจำเป็นหรือไม่จำเป็น…ซึ้งพี่ไทยก็เหมือนกัน   คือ…นึกอย่ากซื้อของทุกวันที่ขวางหน้าไม่ว่าจะจำเป็น

ข้อมูลจาก : หนังสือ ผู้หญิงฮา  ผู้ชายเฮ

8 วิธีถนอมสายตาเมื่ออยู่หน้าคอมพ์


977770856-300x199

1. เลือกจอภาพที่มีการกระจายรังสีต่ำเพื่อถนอมสายตา  วิธีทดสอบแบบง่ายๆ  ทำโดยการปิดสวิตช์ภาพ  แล้วเอาหรือแขนไปจ่อไว้ไกล้ๆ  จอภาพให้มากที่สุด  ซึ่งจอภาพที่มีการกระจายรังสีต่ำจะแทบไม่รู้สึกถึงไฟฟ้าสถิตตามขนที่บริเวณผิวเลย

2. ปรับแสงและความคมชัดหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้รู้สึกสบายตาให้มากที่สุด  รวมทั้งความสว่างภายในห้องเราด้วย  เพราะหากทำงานกับคอมพิวเตอร์ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงจ้า  และจอภาพมีความสว่างมาก  ก็ยิ่งสงผลเสียต่ดวงตาได้ง่ายขึ้น

3. ตำแหน่งของจอภาพควรห่างจากดวงตาพอประมาณ  18-24 นิ้วหรือประมาณช่วงแขนเอื้อม  และปรับระดับให้ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 15-20 องศา  ซึ่งหากระยะห่างระหว่างตากับจอภาพไม่สัมพันธ์กันอาจทำให้เกิดอาการเมื่อยล้าและปวดตาได้ง่าย

4. ควรใส่แผ่นกรองรังสีติดไว้ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์  เพื่อเป็นการช่วยกระจายรังสีจากคอมพิวเตอร์สู่สายตา  ที่สำคัญควรเลือกแบที่มีคุณภาพและเชื่อถือได้

5. ทำความสะอาดหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่เสมอ  เพราะฝุ่นละอองอาจะทำให้เกิดการสะท้อนมากยิ่งขึ้น

6. การหยุดพักหรือการเปลี่ยนแปลงตารางการทำงานซะใหม่  จะช่วยให้สายตาคลายความเมื่อยล้าจากการจ้องหรือเพ่งคอมพิวเตอร์ได้  เช่น  หยุดพักสายตาครั้งละ 15 นาที  ทุกๆ 2 ชั่วโมง  แล้วค่อยเริ่มการทำงานต่อไป  ก็จะช่วยให้ถนอมสายตาได้

7. ใช้ผ้าซุปน้ำหมาดๆ  วางไว้บนเปลือกตา  และหลับตาสัก 2-3 นาที  หรือจะให้ดีกว่านั้น  ปิดไฟ  นอนพะสักครู่  เพื่อเป็นการซาร์ตพลังงายให้กลับสายตามาแข็งแรงอีกครั้ง

8.สำหรับคนที่ใส่คอนแทคเลนส์  แจจะเกิดการตาแห้งเพราะห้องที่มีคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่มักจะเป็นห้องห้องแอร์  เมื่อบวกกับความร้อนจากเครื่องคอมพิวเตอร์    จะทำให้อากาศแห้ง  การหยดน้ำตาเทียมก็จะช่วยให้ตากลับมาสดชื่นอีกครั้งได้

***ตะบองเพชรช่วยได้

ลองหากระถางกระบองเพชรต้นเล็กๆ  มาวางใกล้ๆ  กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ดูสิ  เพราะกระบองเพชรมีความสามรถดูดซับสังสี  ได้เป็นอย่างดี

ว่ากันว่าดวงตาเป็นหน้าตาของหัวใจ  แต่ถ้าไม่ไช่ดวงตาล่ะ  เราจะใช้อะไรเป็นหหน้าตาของหัวใจดี…???

ขอขอบคุณ : นิตยสาร candy

รู้ทันเครื่องดื่มแก้วโปรด


coffee

 

ชา  ไม่ว่าจะเป็นชาขาว  ดำ  แดง  หรือเขียว  ล้วนมีสารต้านอนุมูลอิสระ “คาเทชิน”  ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ  เบาหวาน  มะเร็งบางชนิด  และช่วยเพิ่มภูมต้านทาน  โดยเฉพาะในชาขาวจะมีสารชนิดนี้มากที่สุด  อย่างไรก็ดี  สารนี้จะสลายตัวไปเมื่อชาแก้วนั้นถูกเติมนม  น้ำผึ้ง  และน้ำตาล

กาแฟ  กาแฟดำ 1 แก้วให้แคลอรีตั้งต้นที่ 2 หน่วย  ในขณะที่แฟรปปูซิโนแก้วโตเพิ่มวิปครีมให้พลังงาน 380 กิโลแคลอรี  ข้อดีของกาแฟนอกจากทำให้คุณสดชื่นยามบ่าย  ยังมีงานวิจัยว่า  การดื่มกาแฟนอกจากทำให้คุณสดชื่นยามบ่าย  ยังมีงานวิจัยว่า  การดื่มกาแฟไม่เกินวันละ 2 แก้วช่วยลดความเสี่ยงเบาหวานประเภทสอง  พาร์กิมสัน  นิ่วในถุงน้ำดี  และมะเร็งบางชนิดได้  ส่วนกาแฟดีแคฟก็ให้ประโยชน์เช่นกัน  แถมเหมาะกับผู้ที่แพ้คาเฟอีนด้วย

นม  นมสดเย็นๆ  8  ออนซ์ให้แคลเซียมสูงถึง  300 มิลลิกรัม  โปรตีน 8 กรัมพร้อมด้วยวิตามินเอและดี  ซึ่งดีต่อกระดูกและฟัน  นมสดธรรมดาหนึ่งแก้วให้พลังงาน 146 กิโลแคลอรี  นมพร่องมันเนย 102 กิโลแคลอรี  นมขาดมันเนย 86 กิโลแคลอรีส่วนนมถั่วเหลืองให้พลังงาน  100 กิโลแคลอรี

น้ำอัดลม  นอกจากให้ความสดชื่นและพลังงานแล้ว  น้ำหวานซาบซ่านี้ไม่มีประโยชน์ใดๆเลย  ซ้ำพาโรคอ้วน  เอาหวานประเภทสอง  และกระดูกพรุนมาอีกด้วย  ส่วนชนิดไดเอดก็ไม่ต่างกัน  เพราะความหวานจากแอสปาแทมอาจไปทำลายระบบประสาท  ระบบเผาผลาญ  และการทำงานของหัวใจ

เบียร์  ก็เหมือนเครื่องดื่มแอลกฮอล์ทั่วไป  ที่ช่วยให้เลือกลมสูบฉีด  หัวใจทำงานหนักขึ้น  เบียร์แต่ละแก้วอุดมไปด้วยพลังงานที่พร้อมจะเปลี่ยนเป็นแป้งระหว่าง  100 – 241 กิโลแคลลอรี  ขึ้นอยู่กับชนิดของเบียร์  แต่ก็ยังมีประโยชน์หากจิบวันละนิด  จะช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งและกระดูกพรุน  ส่วนเรื่องรอบเอวไม่รับประกันครับ

นิตยสาร HEALTH  CUISNE

วิธีการดูแลรักษาเล็บ


14174722-300x201

 

วิธีการดูแลรักษาเล็บ

วิธีการดูแลรักษาเล็บนั้นไม่ใช้เรื่องยากมีเคล็ดลับดังต่อไปนี้

1.การดูแลเล็บโดยการล้างเล็บทำความสะอาดเล็บ

ควรล้างเล็บด้วยน้ำสบู่อุ่นๆ  ใช้แปลงนุ่มๆขัดตามซอกเล็บเบาๆ  แล้วล้างออกด้วยน้ำที่สะอาด  ชโลมด้วยคลีมบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้มือและเล็บ

2.การตัดเล็บมือที่ถูกต้องก็เป็นสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่ง

ควรตัดให้มีความโค้งมนไปตามนิ้วมือ  ส่วนเล็บเท้านั้นพยายามตัดให้เป็นเส้นตรงมากที่สุด  เพื่อลดการสะสมของความสกปรกตามศอกเล็บและโอกาสเกิดเล็บขบ  ไม่ควรที่จะตัดสั้นจนชิดเนื้อมากเกินไป  และไม่ควรใช้วัสดุใดๆ  แงะงัดขอบเล็บ  จมูกเล็บ  เพราะอาจเกิดบาดแผลและการอักเสบได้  และเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการตัดเล็บคือหลังจากอาบน้ำหรือล้างจาน  เพราะเล็บจะมีความอ่อนนุ่ม  ทำให้ง่ายต่อการตัดแต่ง  แต่ถ้าหากไม่รอหลังอาบน้ำก็ให้แช่เล็บในน้ำอุ่นประมาณ 5 นาทีก่อนตัดครับ

3.วิธีตะไปเล็บให้สวย

ถ้าหากใช้ตะไปเล็บที่ทำจาดเหล็ก  ควรตะไปเล็บไปในทิศทางเดียวกันไม่ควรถูกลับไปกลับมา  เพราะจะทำให้เล็บเป็นเสี้ยนคมหรือฉีกได้  แต่ถ้าใช้ตะไบเล็บที่ทำจากเซลามิกก็สามารถตะไปสวนทางกันได้  นอกจากนี้การตะไปเล็บควรตะไปจากขอบเล็บเข้าหาปลายเล็บเสมอ

4.การขูดผิวเล็บ

เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เกิดการกระตุ้นให้เกิดการพลัดเซลล์ผิว  ทำให้เล็บเงางามขึ้น  ผิวเล็บเรียบและดูมีสุขภาพดีขึ้น  โดยให้ใช้อุปกรณ์ขูดลอกหน้าเล็บดันจากปลายเล็บเข้าหาโคนเล็บ  หลังจากนั้นใช้แผ่นขัดเล็บซึ่งคล้ายกับกระดาษทรายขัดหน้าเล็บเบาๆ  เพื่อให้ผิวเล็บเรียบสม่ำเสมอ  แล้วใช้แผ่นขัดทำความสะอาดเล็บถูเบาๆ  เพื่อให้ฝุ่นละอองและเศษเล็บที่มองไม่เห็นหลุดออกไป  จากนั้นใช้แผ่นขัดเงาซึ่งมีเมลาตินเคลือบ  อยู่ขัดถูบนหน้าเล็บบางๆ  ก็จะได้เล็บที่เงางามดูมุขภาพดี

5.การับประทานอาหารที่มีประโยชน์

การับประทานอาหารนั้นเป็นการรักษาเล็บจากภายในเอง  เป็นสิ่งหนึ่งที่เราทุกคนควรคำนึงถึง  การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมนั้นช่วยให้เล็บของเราแข็งแรง    และการที่เรารับประทานอาหารผักผลไม้เยอะนั้น  จะทำให้เล็บเรามีสีชมพู  ดูแลมีสุขภาพที่ดีอีกด้วย   เพราะฉะนั้นเราควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์  จะทำให้เรามีร่างกายที่แข็งแรงด้วย

เตือนสาวๆ จุดเสี่ยงเชื้อโรคในห้องน้ำสาธารณะ


56568016

 

ขณะเดียวกันตอนนี้หลายคนใช้ห้องน้ำสาธารณะแบบมีชักโครกผิดวิธี โดยใส่รองเท้าที่เปื้อนดินขึ้นไปนั่งบนฝารองนั่งทำให้ผู้ที่มาใช้ต่อไม่ สามารถใช้ต่อได้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่มาใช้ต่อเกิดโรคติดเชื้อราในดินได้ เนื่องจากในดินมีเชื้อราต่างๆ ทำให้ผู้ที่มาใช้ชักโครกที่เปื้อนอาจเกิดอาการติดเชื้อได้หากมีรอยบาดแผล

ซึ่งกรมอนามัยเผย 3 จุดอันตรายในห้องส้วมสาธารณะปนเปื้อนเชื้อโคลิฟอร์ม ต้นเหตุโรคอุจจาระร่วง
อันดับ 1 คือ บริเวณที่จับสายฉีดชำระ
จุดที่ 2 คือ บริเวณพื้นห้องส้วม
จุดที่ 3 คือ ที่รองนั่งชักโครก

นอกจากนี้ยังมีจุดเสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อโรคอีก 4 จุด คือ ที่กดน้ำทำความสะอาดในห้องส้วม ก๊อกน้ำ ลูกบิดประตู และอ่างล้างมือ

แนวทางป้องกันเชื้อโรคที่แฝงอยู่ในห้องน้ำสาธารณะ ควรตรวจดูฝารองนั่งชักโครกก่อนทุกครั้งว่ามีความสะอาดหรือไม่ ขณะเดียวกันหลังเข้าห้องน้ำเสร็จควรล้างมือให้สะอาดทั้งหน้ามือ หลังมือ และตามซอกนิ้ว

 

เรียบเรียงข้อมูล : Chalida Rita
อ้างอิงจาก : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
ขอบคุณภาพประกอบ : www.mannlymama.com, stevetokar.wordpress.com

ความเชื่อผิดๆ เรื่องอาหารลดน้ำหนัก


78653361

 

ผักต้องกินแบบสดๆ เท่านั้น – ไม่จริงเสมอไปค่ะ บางคนเชื่อว่าผักที่ผ่านการประกอบอาหารมาแล้ว สูญเสียวิตามินไปเกือบทั้งสิ้น ความเชื่อนี้ผิดอย่างสิ้นเชิง เพราะร่างกายยังสามารถดูดซึ่มสารอาหารจากผักที่ประกอบอาหารแล้ว(ยกเว้นการต้ม) ง่ายกว่าผักสดเสียอีก

งดแป้งขนมปังก็กินไม่ได้ – ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท ซีเรียลโฮลเกรน ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ ข้าวฟ่าง ข้าวไรย์ ลูกเดือย ข้าวโพด อาหารเหล่านี้สำหรับคนไทยแล้ว มีการบริโภคค่อนข้างน้อยมาก ทั้งๆมีประโยชน์มากมาย อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ ใยอาหาร มีคุณสมบัติช่วยในการควบคุมน้ำหนัก เมื่อมีการรับประทานอย่างต่อเนื่อง จะทำให้น้ำหนักตัวของคุณอยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่อ้วนแถมยังมีสุขภาพดีอีกด้วย

กินผลไม้รสหวานมากไปก็อ้วน – แค่เพราะความหวานของผลไม้ คนเรามักคิดเอาเองว่ามันทำให้อ้วน ความจริงแล้วกล้วยลูกหนึ่งนั้นมีแคเลอรี่ เพียง 105 แคเลอรี่ ซึ่งมาพร้อมด้วย ไฟเบอร์ โพแทสเซี่ยม และ แมกนิเซี่ยมที่ล้วนแต่ดีต่อร่างกายทั้งนั้น นอกจากนี้หลายคนมักจะเลือกซื้อผักผลไม้สดๆในซุปเปอร์แทนที่จะซื้อพวกผักผลไม้แช่แข็ง แต่หารู้ไม่ว่าผักและผลไม้สดพวกนั้นถูกวางอยู่ในชั้นวางมานานแค่ไหนแล้ว? ถึงแม้ว่าผักและผลไม้สดจะมีรสชาติที่ดีกว่าของแช่แข็งก็ตาม คุณค่าทางโภนาการก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่เลย

 

 

เรียบเรียงข้อมูล : Chalida Rita 
อ้างอิงจาก : กระทรวงสาธารณสุข

หลีกเลี่ยง อาหาร 11 อย่างที่ทำให้คุณ แก่ขึ้น!


food

 

1.น้ำตาล – น้ำตาลจะไปจับตัวกับคอลลาเจนในร่างกาย ทำให้ผิวหนังของคุณไม่ยืดหยุ่น จนเกิดรอยเหี่ยวย่นลึก ซึ่งจะทำให้คุณดูแก่ขึ้น

2. ไขมันไม่อิ่มตัว – โดยเฉพาะไขมันไม่อิ่มตัวที่มีทรานส์ไอโซเมอร์สูง เช่นเนื้อวัว เฟรนช์ไฟรส์ ส่งผลให้เส้นเลือดอุดตัน และผิวหนังดูแก่ขึ้น

3. เกลือ – เกลือจะไปดูดซึ่มน้ำในร่างกาย ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย นอกจากนี้ยังทำให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นโรคไต ความดันในเลือดสูง และชะลอดูดซึมสารอาหารเข้าสู่กระดูก

4. กาแฟ – กาแฟจะดูดซึมน้ำในร่างกาย และทำให้ดูเหนื่อยล้า

5. ลูกอม – น้ำตาลในลูกอม ส่งผลให้เกิดการระคายเคืองในร่างกาย และทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่น

6. สารให้ความหวานเทียม – เช่น แอสปาแตม ส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวและปวดข้อ และทำให้อยากน้ำตาลมากขึ้น

7. แอลกอฮอล์ – แอลกอฮอลจะดูดซึมน้ำในร่างกาย ทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่น ชลอการจับตัวกันของคอลาเจนต้ผิวหนัง ทำให้เกิดจุดแดงและอาการบวม

8. เครื่องดื่มชูกำลัง – เครื่องดื่มชูกำลังทำลายสารเคลือบฟันมากกว่าดื่นน้ำอัดลมถึง 8 เท่า ทำให้ฟันเหลือและฟันไม่แข็งแรง

9. คาร์โบไฮเดรท – คาร์โบไฮเดรทจำนวนมากเกินไปจะทำลายคอลาเจนและเส้นใยใต้ผิวหนัง

10. อาหารทอด – การบริโภคอาหารทอด ทำให้จับตัวกันของคอลาเจนใต้ผิวหนังช้าลง ส่งผลให้ผิวหนังเหี่ยวย่น

11. น้ำอัดลม – การดื่มน้ำอัดลมทำให้ร่างกายขาดน้ำ และอ่อนเพลีย

 

A WordPress.com Website.

Up ↑

อาหาร

อาหารชนิดต่างๆๆ

THAI FOOD

Yupasiri Pacharoen M.6.3 Number 2

ขนมหวานเเห่งความอร่อย

อร่อยน่ะจะบอกให้

ibreak2travel (หนีงานไปเที่ยว)

ทำงานให้เป็นต้องรู้จักเที่ยว

ร้านป้าน้อย

ร้านขายน้ำ ขนม ผลไม้ ในโรงเรียนราชบุรีบริหารธุรกิจ

CleanFoodAndHealthyFood

อาหารลดน้ำหนักคลีนฟู้ด

ขนมไทย 4 ภาค

หลากหลายความอร่อยขนมไทย 4 ภาค เหนือ อีสาน กลาง ใต้

ขนมไทย

Natcha Wongsuwat Nuber 07 M6.3

ขนมไทย

ขนมไทยง่ายๆ ขนมไทยชาววัง ของหวานอร่อยๆ วิธีทำขนมไทย

ขนมไทย อะไรเอ่ย

รวมสูตรขนมไทยหลายชนิดพร้อมภาพประกอบ และคำบรรยายวิธีการทำตามขั้นตอนอย่างละเอียด เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่สนใจหัดทำขนมไทยด้วยตนเอง

xkcd.com

ขนมหวาน แบบไทยๆ ทานได้ ทำได้ ง่ายๆ

Daring Fireball

ขนมหวาน แบบไทยๆ ทานได้ ทำได้ ง่ายๆ